.

ที่นอนลมรักษ์โลก

ชื่อสิ่งประดิษฐ์    ที่นอนลมรักษ์โลก
ชื่อผู้ประดิษฐ์      ศุภพร ไชยคำ / วรัตน์ดา สุริยะพรหม
ชื่อผู้นำเสนอ       เจ้าหน้าที่งานผู้ป่วยใน
หลักการและเหตุผล
แผลกดทับเป็นปัญหาที่สำคัญในกลุ่มผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวและการทากิจกรรมลดลง การเกิดแผลกดทับทาให้เกิดผลกระทบต่อตัวผู้ป่วย คือ ทำให้ผู้ป่วยต้องทนทุกข์ทรมานกับบาดแผล ก่อเกิดความไม่สุขสบายและอาจเกิดการติดเชื้อจนเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ การเกิดแผลกดทับถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่จะต้องให้การรักษาเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยอาจจะเป็นต้องนอนโรงพยาบาลนานขึ้น ส่งผลให้เกิดรายจ่ายที่มากเกินความจำเป็นทั้งต่อตัวผู้ป่วยและโรงพยาบาล ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว จึงเป็นแนวทางที่สำคัญที่บุคลากรทางการพยาบาลควรตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว
จากผลการทบทวนการปฏิบัติงานของหอผู้ป่วยใน พบว่า รับผู้ป่วยกลุ่มโรคอาการทางหลอดเลือดสมองและผู้ป่วยBed riddenมากขึ้น การดูแลผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวได้ใช้แนวทางการเฝ้าระวังการเกิดแผลกดทับ มีการใช้อุปกรณ์เตียงนอนลม แต่ยังเกิดอุบัติการณ์การเกิดแผลกดทับระดับ1 จำนวน 5 ราย และมีแผลกดทับระดับ 2 มาจากบ้าน จำนวน 4 ราย  ในปี 2557  โดยการทบทวนการปฏิบัติงานยังพบว่า บุคลากรขาดการประเมินผู้ป่วยที่ชัดเจนและขาดการปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด ประกอบกับยังขาดแคลนอุปกรณ์เตียงนอนลมที่เพียงพอ เนื่องจากหอผู้ป่วยมีเตียงนอนลมเพียง 2 เครื่องเท่านั้น และผู้ป่วยต้องนำไปใช้ที่บ้านด้วย แต่เนื่องจากที่นอนลม มีราคาประมาณ 12,600 บาท งานผู้ป่วยใน โรงพยาบาลสันติสุข จึงคิดค้นนวัตกรรมเพื่อทดแทนการใช้ที่นอนลมจากถุงน้ำยาล้างไตทางช่องท้องที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาพัฒนาเป็นที่นอนลมสำหรับผู้ป่วย เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 430 บาท  ซึ่งเป็นการลดปริมาณขยะ ค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะ  และค่าใช้จ่ายในการซื้อที่นอนลมและค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวตนเองได้ 
วัตถุประสงค์
  1. เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวตนเองได้และในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
  2. เพื่อป้องกันผู้ป่วยที่มีแผลกดทับ ไม่ให้เกิดแผลกดทับมากขึ้น
  3. เพื่อลดปริมาณขยะของผป.CAPD

วิธีการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์
        1.     นำเสนอโครงการต่อบุคลากรในหอผู้ป่วย
        2.     ศึกษา ค้นคว้า รูปแบบการประดิษฐ์    
3.     ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ จัดหาอุปกรณ์ และดำเนินงานตามแผนที่วางไว้
  3.1   เย็บผ้าเป็นช่อง ๆ ขนาดพอดีกับถุงน้ำยาเปล่าที่เตรียมไว้
  3.2   นำถุงน้ำยาที่ใช้แล้ว (ใช้ถุงในส่วนที่บรรจุน้ำยาล้างไต) โดยตัดให้เหลือสายยาวประมาณ 2 นิ้ว  นำมาล้างทำความสะอาด แล้วผึ่งให้แห้ง 
  3.3   ทำให้ถุงน้ำยาป่องโดยการเติมลมเข้าไป โดยใช้ที่สูบลมสำหรับเป่าลูกโป่ง ปรับขนาดตามความเหมาะสม
  3.4         ขยะและมลพิษดแตก  เข็มจ   หลังจากนั้นใช้ยางรัดที่ปลายสายถุงน้ำยา
  3.5   สอดถุงลมใส่ตามช่องที่เย็บไว้

4.     นำสิ่งประดิษฐ์มาทดลองใช้และพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
5.     ติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

งบประมาณ
  1. ผ้าสำหรับตัดเย็บจำนวน 5 เมตร ราคา 300 บาท
  2. ถุงน้ำยา CAPD จำนวน 30 บาท
  3. ค่าตัดเย็บ จำนวน 100 บาท

รวมเป็นเงินทั้งหมด 430 บาท ( สี่ร้อยสามสิบบาทถ้วน )

การทดสอบประสิทธิภาพสิ่งประดิษฐ์
          นำไปทดลองใช้กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้จำนวน 3 ราย  สิ่งประดิษฐ์ไม่มีการรั่วซึม

ประโยชน์และการนำไปใช้
          1.  สามารถนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วมาทำให้เกิดประโยชน์  
          2.  ลดปริมาณขยะ  
          3.  ลดค่าไฟฟ้า
          4.  ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อที่นอนลม

ตัวชี้วัดผลสำเร็จของโครงการและผลลัพธ์
นำไปทดลองใช้ในผู้ป่วยติดเตียง.จำนวน 3 ราย
1.อัตราความพึงพอใจ 100 %
2.ลดค่าไฟฟ้าลงเฉลี่ยเดือนละ 740 บาท / ราย
          3.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อที่นอนลมจำนวน 5,000บาท - 12,600 / ชิ้น




































                
 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

No comments yet
ความคิดเห็น
^