.

การแก้ปัญหากรณีใส่สายสวนปัสสาวะเพศชายยาก

แบบบันทึก RM (Knowledge management)
ชื่อเรื่อง    การแก้ปัญหากรณีใส่สายสวนปัสสาวะเพศชายยาก
ผู้เล่าเรื่อง   นางสาววรัตน์ดา   สุริยะพรหม
หลักการและเหตุผล   ผู้ป่วยที่มีปัญหาในระบบทางเดินปัสสาวะปัจจุบันที่เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลจะพบได้บ่อย ซึ่งปัญหาที่มีผลกระทบตามมาคือปัสสาวะออกน้อย หรือปัสสาวะไม่ออก ซึ่งการรักษาที่ช่วยให้ปัสสาวะออกได้คือการสวนปัสสาวะ ไม่ว่าจะด้วยการสวนปัสสาวะทิ้ง  หรือการสวนคาสายสวนปัสสาวะไว้ก็เป็นการรักษาที่จำเป็ฯ และจะพบบ่อยครั้งว่าการใส่สายสวนปัสสาวะในเบื้องต้น เพื่อให้สามารถใส่สายสวนปัสสาวะได้
วิธีคิด    ประยุกต์ใช้ในการทำหัถการใส่สายสวนปัสสาวะเพศชายในโรงพยาบาลสันติสุข
ข้อบ่งชี้  1.ปัสสาวะไม่ออก หรือทางเดินปัสสาวะอุดตัน
             2.มีการบาดเจ็บในระบบทางเดินปัสสาวะ
            3.สวนล้างกระเพาะปัสสาวะ
            4.มีการบาดเจ็บบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
            5.ต้องการวัดปริมาณปัสสาวะต่อชั่วโมง
อุปกรณ์ 1.ชุดสวนปัสสาวะปลอดเชื้อ ประกอบด้วย
              -ถ้วยใหญ่สำหรับใส่ปัสสาวะ 1 ใบ
              -ก๊อส 2 แผ่น , สำลี 6-8 ก้อน
              -ผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลาง
              -Non-tooth forcep 1 อัน
          2.Normol saline
          3.K-Y jelly หรือ Xylocain jelly
          4.ถุงมือปราศจากเชื้อ 1 คู่
          5.Syring บรรจุน้ำกลั่นปริมาณตามที่ระบุไว้ที่ปลายสายสวน
          6.Urine bag
         7.ปลาสเตอร์สำหรับตรึงสาวสวนปัสสาวะ
         8.Syring สำหรับใส่ K-Y jelly หรือ Xylocine jelly



วิธีการสวนปัสสาวะ
1.ตรวจสอบชื่อ-สกุลผู้ป่วย ประเมินสภาพผู้ป่วย และแจ้งให้ผู้ป่วยทราบถึงความจำเป็น
2.จัดท่านอนให้ผู้ป่วยนอนหงายราบ ไม่ควรให้ผู้ป่วยนอนศรีษะสูง
3.ล้างมือให้สะอาดก่อนเตรียมของใช้
4.เตรียมชุดสวนปัสสาวะ ใช้เทคนิค sterile
5.สวมถุงมือปราศจากเชื้อ
6.ใช้สาวสวนปัสสาวะที่มีขนาดเล็กที่สุดที่จะสามารถ drain ปัสสาวะออกมาได้ดีเพื่อลดการบาดเจ็บของทางเดินปัสสาวะ
7.หล่อลื่นสายสวยปัสสาวะด้วย K-Y jelly หรือ Xylocine jeely
8.ให้ใช้ syring ใส่ K-Y jelly หรือ Xylocine jelly แล้วดันเข้าบริเวณรูปัสสาวะ เพื่อหล่อลื่น
9.สอดสายสวนปัสสาวะ โดยให้มือด้านที่ไม่ถนัดจับปลาย pennis ตั้งขึ้นระดับ 90 องศา แล้วใช้มือด้านที่ถนัดสอดสายสวนปัสสาวะเข้าไป
10.ใส่น้ำกลั่นในบอลลูนตามที่ระบุไว้ที่สายสวน และห้ามบอลลูนเข้าไปหากไม่มี urine ออกมา
11.ต่อสายสวนกับ Urine bag
12.ยึดตรึงสายสวนปัสสาวะกับร่างกานของผู้ป่วยเพื่อไม่ให้สายสวนปัสสาวะเลื่อนเข้า-ออกโดยใช้พลาสเตอร์ตรึงสาสวนปัสสาวะกับโคนของด้านในของขาผู้ป่วย
13.วาง Urine bag ให้อยู่ต่ำกว่าระดับกระเพาะปัสสาวะของผู้ป่วยและไม่ให้สายหักพับงอ
ผลลัพธ์จากการปฎิบัติ
      1.ลดปัญหาเรื่องการใส่สายสวนปัสสาวะในเพศชายยาก
      2.ลดการบาดเจ็บของระบบทางเดินอาหาร
      3.ลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยในการใส่สายสวนปัสสาวะ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

No comments yet
ความคิดเห็น
^